วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ผมหน้าม้า...ไร้มัน ควรทำอย่างไร?

ผมหน้าม้า...ไร้มัน (คู่หูเดินทาง)

           ต้องยอมรับว่ายุคนี้ ผมม้านั้น เป็นผมทรงยอดฮิตของสาว ๆ ทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากการคอยจัดแต่งรูปทรงของผมหน้าม้าให้สวย เรียงเป็นระเบียบกิ๊บเก๋แล้ว อย่าปล่อยให้ผมหน้าม้ามันแผล็บ ติดหนึบเป็นแพด้วยล่ะ เพราะมันจะทำให้คุณหมดสวยไปได้โดยง่าย ขอแนะเทคนิคที่จะทำให้ผมม้าของคุณสลวย เงางามแต่ไม่มันติดหนึบตลอดวัน

        ไม่ใช้คอนดิชันเนอร์กับผมหน้าม้า เอาไปบำรุงเฉพาะปลายผมก็พอแล้ว


        เลือกใช้เครื่องสำอางสูตรปราศจากน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นครีมรองพื้น หรือแป้ง เพื่อไม่กระตุ้นให้ผิวสร้างน้ำมันส่วนเกินมากขึ้น

        หากผมหน้าม้ากำลังเริ่มดูมัน อย่าไปแตะต้องมันบ่อย ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผมม้านั้นมันยิ่งขึ้น

นิสัยของเด็กแรกเกิด

5 นิสัยทำสมองลูกเลิฟไม่แล่น
5 นิสัยทำสมองลูกเลิฟไม่แล่น (M&C แม่และเด็ก)
          แม้ว่าสมองมนุษย์จะวิเศษเพียงใด แต่ก็เป็นส่วนเปราะบางอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้ง่าย ทั้งสารเคมี และกัมมันตภาพรังสีต่าง ๆ ที่เสมือนไม่มีตัวตน แต่ก็เป็นตัวการสำคัญทำลายสมองของลูกน้อยมาก ๆ ค่ะ จากคนที่เก่ง ๆ ตอนเด็กโตขึ้นมา กลับกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้สมองได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเอาซะเลย

อดนอน

          การนอนดึกส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองมากๆ ค่ะ ซึ่งจากผลการศึกษาในวารสารเนเวอร์ นิวส์ไซแอนท์ โดยนักวิจัยแพทย์ฮาร์วาร์ดระบุว่า การนอนหลับไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส อันเป็นสมองที่บันทึกความทรงจำใหม่ หลังพบจากการศึกษาว่า อาสาสมัครที่อดนอน ทำคะแนนในการทดสอบความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน หลังจากได้นอนหลับที่เพียงพอ

อาหารเช้าสำคัญ

          โดยปกติตื่นเช้ามา ร่างกายจะมีระดับน้ำตาลที่ต่ำ และยิ่งสมองของเด็กในวัยเรียนด้วยแล้ว เขาต้องการน้ำตาลป้อนให้สมองใช้ เมื่อร่างกายขาดน้ำตาล แถมร่างกายเด็ก ๆ เป็นกรดเพราะร่างกายต้องละลายไขมันออกมาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้สมองล้าอ่อนเพลีย ทำงานไม่เต็มที่ ด้วยเหตุนี้ อาหารเช้าที่ดี ควรประกอบด้วยอาหาร 3 กลุ่มคือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ผักผลไม้สด และโปรตีน จึงจะเป็นอาหารเช้าที่มีคุณภาพสำหรับสมอง และพลังงานในการเรียนค่ะ

มลพิษ
          เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ค่ะ สำหรับเจ้ามลพิษ ไม่ว่าจะทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง คนส่วนใหญ่รู้ว่า เจ้าตะกั่วและปรอท มีผลทำร้ายสมองนั่นก็คือ IQ แม้จะปริมาณไม่มากก็ตาม เพราะถูกจัดเป็นสารเคมีควบคุม แต่ก็มีอีกสารควบคุมอีกกว่า 200 ชนิดที่ไม่ใช่สารควบคุม สารพิษและมลภาวะเหล่านี้ ต่างปะปนอยู่รอบๆ ตัวเราและลูกๆ ทั้งนั้น หนทางที่ดีก็ควรควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดค่ะ

นอนคลุมโปง
          ปกติหากไม่มีอาการกลัวผีแล้วล่ะก็ คงไม่ค่อยมีเด็กคนไหนนอนคลุมโปงสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะร้อนแล้ว ยังหายใจไม่ออกอีกด้วย แต่ถ้าหากเจ้าตัวเล็กมีอาการชอบนอนคลุมโปงบ่อย ๆ แล้วล่ะก็ ไม่ดีแน่ เพราะปกติเมื่อเราหายใจออกก็จะเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกมาด้วย และเมื่อเกิดมีนิสัยแปลก ๆ ชอบนอนคลุมโปงด้วยแล้ว ลูกก็จะหายใจเอาก๊าซที่ว่าเข้าไปด้วย หากคลุมโปงนาน ๆ ด้วยแล้ว เป็นตัวการใหญ่เลยค่ะ ซึ่งทำลายประสิทธิภาพสมองเป็นอันมาก

คอมพิวเตอร์...อีกตัวการ
          สมัยนี้ พ่อแม่หลาย ๆ คนอาจคิดว่า การเล่นคอมพิวเตอร์เร็ว ก็จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น แต่ ดร.เอริก ชิกแมน นักฟิลิกส์ชาวอังกฤษกล่าวว่า เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะทำร้ายสมองส่วนที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ของเด็ก โดยเป็นตัวการทำลายการพัฒนาทักษะกระบวนการรับรู้และความคิด ถ้าจะเริ่มใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาทักษะ ควรจะเริ่มเมื่อโตสักหน่อย อย่างน้อยอายุ 9 ขวบ ไปแล้วจะดีกว่า

หน้าใสๆๆๆๆๆ

เคล็ดลับหน้าใสปิ๊งแบบง่าย ๆ
I Y ให้หน้าใสปิ๊งด้วยน้ำแร่ (womanplus)
1. ดื่มน้ำแร่ทุกวัน ช่วยให้ผิวและใบหน้าสดใส
2. ใช้น้ำแร่เย็น ๆ ล้างหน้าเป็นประจำ ช่วยปรับสภาพผิว ให้ดูเป็นธรรมชาติ
3. ฉีดสเปรย์น้ำแร่ ให้ความชุ่มชื้น แก่ผิวหน้า ระหว่างวัน
4. ใช้น้ำผึ้งพอกที่หน้า ก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แถมยังให้สารอาการแก่ผิวได้โดยตรงอีกด้วย
5. ใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 15 ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
6. มอยส์เจอไรเซอร์ สำหรับสาวที่มีผิวไว และเกิดการระคายเคืองง่าย ควรเลือกชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของกรดหรือน้ำหอม สังเกตได้บนฉลากของผลิตภัณฑ์จะเขียนคำว่า "Comedogenic" หมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นจะไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันนั่นเอง

ดูแลผิวตอนกลางคืน

เคล็บลับหน้าสวยใส เพียงข้ามคืน
สวยง่าย ๆ เพียงข้ามคืน (ไทยโพสต์)

         
สาว ๆ ที่กำลังมีนัดสำคัญ โดยเฉพาะการนัดเดตกับหนุ่มหล่อในดวงใจ อาจทำให้กังวลเกี่ยวกับความหมองคล้ำบนใบหน้า และคิดหาวิธีที่จะทำให้ผิวหน้าสวยใสทันใจ แพทย์หญิงกานต์ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก มีคำแนะนำง่าย ๆ ให้คุณสวยได้เพียงข้ามคืนมาฝาก ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ทำความสะอาดผิวหน้าและขัดผิว 

          หลังการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟมล้างหน้าตามปกติแล้ว ให้ขัดผิวหน้าด้วย สครับสูตรอ่อนโยนที่สุด โดยแต้ม 5 จุดบนใบหน้าขณะที่ใบหน้ายังหมาดๆ อยู่ ถูวนอย่างเบามือนานเพียงอึดใจแล้วล้างออกใสสะอาด (สครับช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและความหมองคล้ำ ให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน)

ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดล้ำลึก

          การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง คือ อบไอน้ำ เพียงแค่นำน้ำเดือดมาวางไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปอังไว้จนไอน้ำหมด หรือบางคน อาจจะนำผ้าขนหนูเล็กๆ ชุบน้ำอุ่นแล้ววางโปะไว้บนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที (ถ้าผ้าเย็นก็เปลี่ยนผ้าอุ่นไปเรื่อย ๆ จนครบ 5 นาที)


ขั้นตอนที่ 3 บำรุงล้ำลึก

          การบำรุงผิวล้ำลึกด้วยการพอกหน้าหรือมาส์กหน้า เลือกผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองชื่น ชอบ พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากอบไอน้ำแล้วในทันที เพราะผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ ตัวบำรุงสามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างง่ายดายขึ้น หลังพอกหน้าล้างให้สะอาดอีกครั้ง

ขั้นตอนที่ 4 บำรุงผิวสูตรสว่างใส

          ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน C หรือกรดผลไม้ AHA สูตรอ่อน ๆ ทาทิ้งไว้ทั้งคืน ให้ครีมเข้าไปบำรุงและผลักดันเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้ออกไปได้ด้วย

ขั้นตอนที่ 5 เตรียมผิวรับสวย

          หลังตื่นนอนล้างหน้าให้สะอาด ทาครีมบำรุงตามปกติ ที่สำคัญอย่าลืมทาครีมกันแดดด้วย เพื่อปกป้องผิวสวยจากรังสีร้าย UVA และ UVB สาเหตุความหมองคล้ำ

          เพียงเท่านี้...คุณก็จะพบกับใบหน้านุ่มนวลสว่างใส พร้อมพบกับนัดและวันสำคัญได้แล้ว

เรื่องของผิวๆๆๆๆ

วิธีฟื้นฟูผิวหญิง (รักลูก)

         
เมื่อผิวสวยต้องเผชิญมลภาวะต่าง ๆ จนทำให้หมองคล้ำ วิธีฟื้นฟู เพื่อให้ผิวกลับมาสวยดังเดิมมีดังนี้ค่ะ

  1. อาบน้ำด้วยน้ำเย็น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้ง ผิวลอกน้อยลง ควรเลือกใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของ moisturizer เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองต่อผิว จะช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น

   2. ดื่มน้ำเยอะ ๆ การดื่มน้ำเป็นการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอกทำให้ผิวชุ่มชื้น ที่สำคัญยังช่วยรักษาอุณหภูมิภายในร่างกาย ช่วยให้ผิวสดชื่นอยู่เสมอ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการดูแลผิวเลยล่ะค่ะ

   3. ทาครีมกันแดด การทาครีมกันแดด สามารถช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดได้ โดยเลือกที่มีส่วนผสมของ moisturizer สำหรับป้องกันผิวไหม้เกรียม เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

   4. อย่าเกาหรือลอกผิว การเกา ข่วน ถูแรงๆ หรือการลอกผิวเป็นการทำลายผิว ทำให้ผิวติดเชื้อได้ง่าย นำไปสู่การเป็นแผลเป็น แต่ถ้าคุณทนไม่ไหวที่จะทำสิ่งเหล่านั้น ให้ใช้น้ำแข็งมาลูบเบา ๆ บริเวณนั้น จะช่วยลดอาการคันได้

   5. การป้องกันผิวหนังพุพอง แน่นอนว่าจะต้องปิดผิวหนังที่พุพองด้วยผ้าก็อซ หรือผ้าพันแผล หรือใช้ครีมที่ป้องกันเชื้อโรคทาผิวหนัง พยายามอย่าสัมผัสผิวบริเวณนั้น เพราะจะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปยังผิวหนังบริเวณใกล้เคียง เป็นเหตุให้อาการหายช้าลง

   6. กินยาบรรเทาความเจ็บปวด เพื่อลดการอักเสบ และช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ และยังง่ายต่อการหลีกเลี่ยงการเกาแผลบริเวณนั้นด้วย

   7. หลีกเลี่ยงการโดนแดด สภาพผิวที่ไหม้เกรียมหรือผิวแย่อยู่แล้ว เพราะจะไวต่อแสงแดดมากกว่าผิวสภาพดี จึงควรหลีกเสี่ยงไม่ให้โดนแดด จนกว่าผิวจะฟื้นฟูและกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง

ส่งท้ายหนาวนี้ที่...เชียงราย

ส่งท้ายหนาวนี้ที่...เชียงราย (คู่หูเดินทาง)

         
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป เผลอไม่เท่าไหร่ก็ผ่านปีใหม่มาแล้ว คุณได้เริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ในชีวิตกันบ้างหรือยัง เช่น หาความรู้ใหม่ ๆ เริ่มต้นงานใหม่(เก่า) กับความรู้สึกใหม่ ๆ หรือจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมีมุมมองที่ดีขึ้น แต่ถ้านึกไม่ออกว่าจะทำอะไรบางทีการได้นั่งคุยกับใครบางคน เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติก็ทำให้เราได้เห็นอะไรในมุมมองใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
  
          คู่หูพาเที่ยวฉบับนี้จะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงรายกัน เพื่อเป็นการส่งท้ายหน้าหนาว (ที่ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไร) กับจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย พร้อมกับพาคุณผู้อ่านไปรับไออุ่นแรกของตะวันที่ภูชี้ฟ้ากัน

          "เชียงราย" เป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจในช่วงหน้าหนาว เนื่องด้วยเชียงรายมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง แต่ก่อนอื่นเราจะขอนำคุณผู้อ่านไปเที่ยวในตัวเมือง เพื่อกราบสักการะ "อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช" แห่งแคว้นลานนา ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงราย เมื่อปี พ.ศ.1805 อนุสาวรีย์ตั้งอยู่ที่ถนนห้าแยกพ่อขุนเม็งรายมหาราช ถนนเชียงราย-แม่จัน (ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) ในเขตเทศบาลนครเชียงราย อย่างโดดเด่นเป็นสง่า สามารถมากราบไหว้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน บางท่านอาจมากราบสักการะในช่วงกลางคืนและถือโอกาสปล่อยโคมยี่เป็ง เพื่อเสริมสิริมงคลให้ชีวิตรุ่งโรจน์สว่างไสว ดุจเปลวไฟในโคมยี่เป็งก็ได้

ถัดมาไม่ไกลนักจากอนุสาวรีย์ตรงสี่แยกถนนบรรพปราการ เราสามารถมาชม "หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบรอบ 72 พรรษา" ที่ออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้ ตัวหอเป็นสีทองอร่ามสวยงามตามแบบฉบับของอาจารย์ฯ และเมื่อถึงเวลา 19.00 น., 20.00 น. และ 21.00 น. ของแต่ละวัน จะจัดให้มีการแสดงแสง สี เสียง จากตัวหอฯ โดยมีการเปิดไฟประดับสลับแสงสี พร้อมเปิดเพลงบรรเลงสไตล์ล้านนาและเพลงเชียงรายรำลึก เพื่อให้เขากับบรรยากาศ ซึ่งเป็นโชว์ที่ตระการตาและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว และผู้ที่มารอคอยชมเป็นอย่างยิ่ง การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 10 นาทีต่อรอบ และจัดแสดงเพียง 3 รอบต่อวันเท่านั้น ต้องตรงต่อเวลากันหน่อยเพราะของดีเค้ามีน้อย!

          หลังจากชมการแสดงของหอนาฬิกาฯ เสร็จก็ต่อด้วยการเดินช้อปปิ้งที่ "เชียงรายไนท์บาซ่าร์" ซึ่งตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงราย เป็นที่จำหน่ายของที่ระลึกฝีมือชาวเขาและชาวเชียงราย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋าหลากแบบ ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ ในราคาย่อมเยา นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว พร้อมชมการแสดงจากศิลปินพื้นบ้าน เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.30 - 23.00 น.
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
วัดร่องขุ่น

          เป็นวัดที่สร้างและออกแบบโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาและแรงมุ่งมั่น ที่จะรังสรรค์งานศิลปะที่งดงามและอ่อนช้อย ผสมผสานระหว่างพระพุทธศาสนากับวัฒนธรรมล้านนาอย่างกลมกลืน ลักษณะเด่นของวัดก็คือ การตกแต่งพระอุโบสถด้วยลวดลายปูนปั้นสีขาว และความแวววาวของกระจกสีเงิน ตามเจตนารมณ์ของอาจารย์ที่อยากให้วัดนี้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์โลกสามารถสัมผัสได้ ภายในโบสถ์ยังมีภาพจิตกรรมฝาผนังฝีมือของอาจารย์เอง ที่ออกจะดูสวยแปลกตาและร่วมสมัยมาก สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี เปิดให้เข้าชมเวลา 06.30 น.-18.00 น. กรุณาแต่งกายให้สุภาพ

         
สถานที่ตั้ง : อยู่ก่อนถึงตัวเมืองเชียงราย 13 กิโลเมตร ตรงหลักกิโลเมตรที่ 816 ถนนพหลโยธิน โทรศัพท์ 0-5367-3579
พระธาตุดอยตุง

          เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของจังหวัดเชียงราย ประดิษฐานอยู่บนยอดดอยตุง ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุดอยตุง เป็นที่บรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า ครั้นเมื่อ 1,000 กว่าปีมาแล้ว ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุนี้มาจากแดนไกล โดยได้ทำธงตะขาบ (ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า ตุง) เพื่อบูชาพระมหาธาตุยาวถึงพันวา ปักไว้บนยอดดอย ถ้าหากปลายธงปลิวไปไกลถึงเมืองไหน ก็จะกำหนดจุดนั้นเป็นฐานพระสถูป เหตุนี้ดอยที่ประดิษฐานพระมหาธาตุจึงมีชื่อเรียกว่า "ดอยตุง"

          องค์พระบรมธาตุเจดีย์ มีอยู่ด้วยกัน 2 องค์ องค์แรกบรรจุพระบรมธาตุส่วนไหปลาร้า และอีกองค์บรรจุพระธาตุย่อย พระธาตุดอยตุงแห่งนี้ยังถือเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีกุน ที่นิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย และเมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและเพื่อนบ้านใกล้เคียง เดินทางขึ้นมาร่วมงานกราบนมัสการองค์พระธาตุเป็นประจำทุกปี

         
สถานที่ตั้ง : วัดพระธาตุดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ 0-5376-7015-7

ท่องเที่ยว

สุดยอด 4 แหล่งท่องเที่ยว ภาคกลาง
1. วัดโสธรวรารามวรวิหาร ฉะเชิงเทรา
          ฉะเชิงเทรา หรือ แปดริ้ว นามแปดริ้วแห่งลุ่มน้ำบางปะกง แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของฉะเชิงเทราได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่มีปลาช่อนขนาดใหญ่ชุกชุม ซึ่งสามารถแล่ได้ถึง 8 ริ้วด้วยกัน ฉะเชิงเทรา มีเรื่องเล่าขานมาแต่อดีตและยังคงปรากฏหลักฐานให้ลูกหลานได้ศึกษา ผู้คนส่วนใหญ่มักตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงและลำคลองต่าง ๆ มีผืนป่าใหญ่อันสมบูรณ์กั้นระหว่างภาคกลางและภาคตะวันออก

          วัดโสธรวรารามวรวิหาร เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ หลวงพ่อโสธรอันเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวแปดริ้วและพุทธศาสนิกชนทั่วไป 
2. อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน สิงห์บุรี
          สิงห์บุรี เมืองอู่ข้าวอู่น้ำและวิถีชีวิตของชุมชนชาวไทย ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อย พร้อมวัดวาอารามศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าสวยสะดุดตา งานหัตถศิลป์ ถิ่นหัตถกรรมฝีมือชั้นเยี่ยม อาหารอร่อยจากปลาช่อนลำแม่ลา รวมถึงคนเมืองสิงห์บุรีนี้ ล้วนมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีแก่ผู้มาเยือน เมืองแห่งวีรชนคนกล้าผู้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องแผ่นดิน

          อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน มีความสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องเตือนใจให้อนุชนรุ่นหลั งรู้จักความสามัคคีและความเสียสละเพื่อผืนแผ่นดิน ณ ที่แห่งนี้บันทึกเหตุการณ์ความกล้าหาญและเสียสละของวีรชนไทยที่ เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2308 ในครั้งนั้นชาวบ้านบางระจัน ได้รวมพลังกันต่อสู้กับกองทัพพม่า ซึ่งมีจำนวนมากมายมหาศาล โดยพม่าต้องยกทัพเข้าตีหมู่บ้านนี้ถึง 8 ครั้ง ใช้เวลาถึง 8 เดือน พม่าถึงชนะได้
3. หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
          หัวหิน เป็นเมืองตากอากาศเก่าแก่และคลาสสิค ได้รับความนิยมมานาน เป็นหนึ่งในเมืองตากอากาศชายทะเลแรก ๆ ของเมืองไทย ความสวยงามของหัวหิน เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายเฮนรี กิตตินส์ เลขานุการกรมการรถไฟและ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สำรวจเพื่อเตรียมก่อสร้างทางรถไฟสายใต้  ซึ่งได้เสนอรายงานถึงความสวยงามของหาดทรายชายทะเลหัวหิน ว่าเหมาะที่จะสร้างเป็นเมืองตากอากาศพักผ่อนชายทะเล ภายหลังเมื่อเส้นทางรถไฟแล้วเสร็จ หัวหินจึงเป็นเมืองตากอากาศที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคคลสังคมชั้นสูง และยังคงได้รับความนิยมจวบจนปัจจุบัน

          เสน่ห์ของ หัวหิน ย่อมหนีไม่พ้นหาดหัวหินหาดที่มีน้ำทะเลสะอาดและหาดทรายละเอียด มีความลาดชันพอเหมาะสำหรับการเล่นน้ำ จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของหาดหัวหิน คือกองหินที่กระจายตัวอยู่หน้าโรงแรมรถไฟ  ความสวยงามและโรแมนติกของหาดหัวหินเป็นที่มาของนิยายดังเรื่อง "ปริศนา" ที่คนไทยค่อนประเทศคุ้นเคยดี  สิ่งที่ทำให้หัวหินมีความแตกต่างจากเมืองชายทะเลอื่น ๆ ก็คือบรรยากาศของเมืองยังคงกลิ่นอายของยุคสมัยในอดีต ที่มีมนต์ขลังไม่เสื่อมคลาย เช่น การรักษาสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ยังคงคุณค่าและสืบทอดประวัติศาสตร์ในอดีต เช่น สถานีรถไฟหัวหิน สถานที่ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น สถานีรถไฟที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามที่สุด แห่งหนึ่งของไทย นอกจากนี้ ในบริเวณสถานียังมี พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ รวมถึงป้ายสถานีหัวหิน อันเป็นเอกลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายภาพไม่ได้ขาด
  ตลาดฉัตร์ไชย ตลาดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมในตัวเมืองหัวหิน สร้างในปี พ.ศ. 2469 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ-พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ วังไกลกังวลครั้งแรก มีจุดเด่นคือ หลังคาเป็นรูป 7 โค้งอันเป็นสัญลักษณ์หมายถึงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7

          นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนเก่าที่แม้ปัจจุบันกลายเป็นรีสอร์ท หรือเป็นร้านอาหารสุดเก๋ ริมทะเล แต่ก็ยังเหลือเค้ารอยอดีตให้ได้สัมผัส แม้แต่ร้านอาหารดั้งเดิม ของกินเจ้าเก่าแก่ ที่โด่งดังมาตั้งแต่รุ่นพ่อก็ยังคงอยู่ ผสมกลมกลืนกับความโก้หรูร่วมสมัยกับแหล่งท่องเที่ยวน่าเพลินใจหลาย ๆ แห่ง เช่น เพลินวาน, ตลาดซิเคด้า Cicada Market, วิกหัวหิน ถูกใจคนที่มีหัวใจถวิลหาอดีตยิ่งนัก

          หัวหิน ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งให้ได้ลองสัมผัส อาทิ น้ำตกป่าละอู น้ำตกเล็ก ๆ แต่ร่มรื่น และบางฤดูมีผีเสื้อมากมายให้ชม, หรือกราบสักการะรูปปั้นหลวงพ่อทวดขนาดใหญ่ ที่วัดห้วยมงคล ศูนย์รวมแรงศรัทธาจากมหาชนทั่วสารทิศ หากต้องการชมทิวทัศน์อันสวยงามของหัวหินมุมสูง ก็ชมได้จากจุดชมวิวเขาหิน เหล็ก ไฟ และวัดเขาตะเกียบ เป็นต้น

          การเดินทาง ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 185 กิโลเมตร สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้ 2 เส้นทางคือ ถนนพระรามสอง (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 หรือ ตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) จากกรุงเทพฯ มีรถตู้ปรับอากาศ รถบัสปรับอากาศ และรถไฟให้บริการ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1672 หรือ ททท.สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ 032-513-885 ได้ทุกวัน
4. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร
          กรุงเทพมหานคร มหานครแห่งความยิ่งใหญ่ มหานครแห่งความรัก ความหวัง และการสรรค์สร้าง มหานครที่มีร่องรอยของประวิติศาสตร์อันงดงาม เป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงศรัทธา เป็นที่ที่จะหาความสุขได้หลากหลายจากอาหารเลิศรส ที่พักทันสมัย แหล่งช็อปปิ้งที่ละลานตา และสถานบันเทิงที่พรั่งพร้อมความทันสมัยไม่น้อยหน้าที่ใดในโลก จึงไม่น่าแปลกใจ ที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกลงความเห็นว่า กรุงเทพมหานครคือสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

          วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว วัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ปัจจุบันในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เดินทางมาเยี่ยมชมความงดงามของงานสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมของช่างสิบหมู่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์จำนวนมาก